Google Ads คืออะไร มีส่วนช่วยในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไรบ้าง

ยุคการแข่งขันในการทำโฆษณาในช่วงปัจจุบันถือว่ามีการแข่งขันที่สูงที่สุด สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดจะทำให้แบรนด์และสินค้าที่ทำอยู่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นอย่างนั่นเอง จึงทำให้นักการตลาดออนไลน์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในเรื่องของการทำ Google Ads ให้มากที่สุดอย่างนั้นเอง ด้วยการหาเทคนิคในการทำโฆษณาออนไลน์ในแบบต่างๆที่หลากหลายเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้ตรงกับความต้องการให้มากที่สุด ดังนั้นจึงพาทุกท่านมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ Google Ads คืออะไร ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

 

Google Ads คืออะไร

Google Ads เป็นการทำโฆษณาผ่านเครือข่ายของ google ที่จะมีการใช้จุดแข็งของ google เป็นตัวหลักในการทำโฆษณา โดยรูปแบบของโฆษณาที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนั่นก็คือ Google Search และสาเหตุที่หลายแบรนด์เลือกใช้ Google Search กันมากที่สุดเพราะจำนวนผู้เข้าใช้งานผ่านทาง google จะมีการค้นหาข้อมูลในประเทศไทยต่อเดือนสูงสุดถึง 400 ล้านกว่าคน แสดงว่ามีผู้ใช้งานวันละ 13 ล้านคน  จึงทำให้ google ได้แปลเปลี่ยนสภาพเป็นตลาดออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ในปัจจุบันมากที่สุด จะทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถขายสินค้าและบริการผ่านการทำ Google Ads ได้มากยิ่งขึ้นอย่างนั้นเอง

 

Google Ads มีชื่อเดิมและชื่อเต็มอีกอย่างหนึ่งก็คือ Google AdWords เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทำโฆษณาออนไลน์ผ่านเครือข่ายของ google อย่างนั่นเอง ผู้ให้บริการนั่นก็คือ google ซึ่งเป็น search engine อันดับ 1 ของโลก ที่มีคนไทยเข้าไปหาข้อมูลในทุกๆวัน จึงทำให้การเสียค่าโฆษณาให้กับทาง google ถือว่าเป็นตัวช่วยในการเพิ่มช่องทางการค้นพบกลุ่มเป้าหมายให้มีความเหมาะสมกับธุรกิจของเราได้ดีที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นสื่อโฆษณาที่ทำให้มียอดขายในการขายสินค้าและบริการได้เพิ่มยิ่งขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง

 

Google Ads มีโฆษณาแบบไหนบ้าง ที่เราควรทราบ

Google Ads การทำโฆษณากับทาง google จะช่วยให้ธุรกิจและการบริการที่เราทำอยู่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วอย่างนั่นเอง ซึ่งรูปแบบโฆษณาของทาง Google Ads ที่เราควรทราบก็มีรายละเอียดดังนี้

 

1.Google Search

เป็นโฆษณาที่มีการใช้คีย์เวิร์ดหรือคำค้นหาเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง โดย google search จะแสดงโฆษณาซึ่งอยู่ในหน้าแรกของ google ที่มีความคล้ายกับการทำ seo อย่างนั้นเอง เป็นการทำโฆษณาที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วมากกว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาในแบบนี้จะมีการคิดค่าใช้จ่ายแบบเป็น Pay Per Click (PPC) หรือที่เรียกว่าคิดค่าโฆษณาจากการกดโฆษณา 1 ครั้งอย่างนั่นเอง

 

2.Google Display Network

Google Display Network เป็นการทำโฆษณาในเครือข่ายของทาง Google Adwords ที่เราสามารถลงโฆษณาเป็นในรูปแบบของอักษร ไฟล์ภาพ ได้อย่างที่ต้องการ จากนั้นนำไปแสดงบนตามเว็บไซต์ต่างๆที่เป็นพันธมิตรกับ google ถือว่าเป็นการทำโฆษณาที่จะช่วยให้ธุรกิจและการบริการของเราได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วอีกด้วย

 

3.Video Ads บน Youtube

เป็นการโฆษณาในรูปแบบของ Video Ads บน Youtube ซึ่งในปัจจุบันจะมีรูปแบบของการโฆษณาให้เราได้เลือกใช้งานดังนี้

  • Display Ad โฆษณาในรูปแบบของแบนเนอร์ในหน้าต่างๆของ YouTube ซึ่งจะมีการขึ้นอยู่บริเวณข้างวิดีโออย่างนั้นเอง
  • Overlay in-video ads มีการแสดงโฆษณาซ้อนบนตัววิดีโอของทาง youtube
  • TrueView in-streams ad เป็นโฆษณาในรูปแบบวิดีโอที่จะมีการแสดงแบบขั้นกลางก่อนหรือหลังอย่างนั้นเอง ซึ่งวิดีโอของ YouTube โดยเราสามารถที่จะกดปุ่ม Skip เพื่อข้ามโฆษณาหลังจากที่เล่นผ่านไปประมาณ 5 วินาทีได้ทันที
  • Supporter card โฆษณาแบบทีเซอร์ของการ์ดในช่วงเวลา 2-3 วินาที โดยสามารถคลิกในส่วนของไอคอนในมุมขวาบนของวิดีโอเพื่อเรียกดูการ์ดได้ทันที
  • Non-Skipable in-stream ad โฆษณาในรูปแบบวิดีโอที่จะมาก่อนวิดีโอหลักโดยจะต้องมีการดูโฆษณาให้จบก่อนถึงจะสามารถดูวิดีโอหลักได้อย่างที่ต้องการ และความยาวของวิดีโอควรอยู่ที่ประมาณ 15-20 วินาที
  • Bumper advertising โฆษณานี้จะมีความคล้ายกับ Non-Skippable in-stream ad ซึ่งจะต้องมีการดูโฆษณาให้จบเสียก่อน ถึงจะสามารถเข้าดูวิดีโอหลักได้นั่นเอง
  • Mastheads เป็นโฆษณาที่จะมีการแสดง banner บนหน้าแรกหรือหน้า home ของทาง youtube อย่างนั่นเอง

 

Google Ads จะมีการทำงานอย่างไรบ้าง

Google Ads ในภาพรวมจะมีการทำงานภายใต้รูปแบบการยิงโฆษณาที่เรียกว่า Pay Per Click นั่นก็คือเป็นการทำโฆษณากับ search Engine ที่ผู้ทำโฆษณาสามารถกำหนดในส่วนของคีย์เวิร์ดหรือคำค้นหาที่ผู้คนใช้ในการเสิร์ชgoogle ได้ทันที ซึ่งสามารถกำหนดในส่วนของงบประมาณในการยิงโฆษณารายวันในแต่ละวันได้อย่างที่ต้องการอีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้ Google Ads จะมีการทำงานในภาพรวมดังนี้

 

1.Cost-per-click (CPC)

CPC เป็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละครั้งที่มีการคลิกโฆษณาของคุณ ซึ่งในรูปแบบของการทำโฆษณาแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงแต่ก็ได้รับความนิยมที่มากมายเช่นกัน

 

2.Cost-per-mille (CPM)

เป็นต้นทุนแสดงผลลัพธ์ 1,000 หมายถึงจะต้องมีการกำหนดราคาในการโฆษณาโดยการจ่ายเงินจำนวนหนึ่งสำหรับการแสดงผลครบรอบจำนวน1,000 ครั้งเสียก่อน ซึ่งจะมีรวมทั้งโฆษณาที่มีคนคลิกชมและโฆษณาที่ไม่มีจำนวนการคลิกชมเลยร่วมด้วย

 

3.Cost-per-engagement (CPE)

เป็นการกำหนดราคาสำหรับการลงโฆษณา Google Ads จำนวนทั้งหมดที่มีคนเข้ามา Engage กับโฆษณาอย่างนั้นเอง เช่น การดูวิดีโอในแต่ละครั้ง รวมไปถึงการลงทะเบียนร่วมด้วย

 

เหตุผลที่ควรใช้งาน Google Ads ในธุรกิจ

Google Ads เป็นฟีเจอร์ในการยิงโฆษณาที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจในหลายๆด้านให้สามารถได้รับความนิยมได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเหตุผลในการเลือกใช้ Google Ads ก็มีรายละเอียดดังนี้

 

1.สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นการโฆษณาในอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถปรับผลลัพธ์ในการตั้งค่าโฆษณาและการจ่ายเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วที่ทำให้ธุรกิจที่เราทำอยู่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วนั่นเอง

 

2.เพิ่มความรู้จักให้กับแบรนด์และธุรกิจมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีที่ทำให้สินค้าและบริการที่เราทำอยู่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วผ่านทางเว็บไซต์หรือ application ต่างๆได้อย่างที่ต้องการ

 

3.มีส่วนช่วยในการหากลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด เหมาะสมกับธุรกิจและบริการที่เราทำอยู่ การยิงโฆษณาในรูปแบบนี้มีความแม่นยำอย่างแน่นอนที่ทำให้ธุรกิจมีโอกาสในการซื้อขายได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

4.เราสามารถติดตามผลลัพธ์ในการยิงโฆษณา เพื่อจัดทำรายงานและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างที่ต้องการ ถือว่าเป็นเครื่องมือในการโฆษณาที่ใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพในการโปรโมทธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย

 

แคมเปญของ Google Ads มีประโยชน์และใช้ทำอะไรบ้าง

Google Ads เครื่องมือทางธุรกิจที่สามารถใช้ในการโฆษณาที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจและการบริการให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นแคมเปญของ Google Ads ก็จะมีประโยชน์ดังนี้

  • Sales ใช้เพื่อเพิ่มยอดขายออนไลน์ในช่อง application หรือที่เรียกว่า Online Shop อย่างนั้นเอง
  • Leads ใช้เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าหรือหาว่าที่ลูกค้าเพื่อเข้ามาปฏิสัมพันธ์ Ads ของเราอย่างนั้นเอง
  • Website Traffic ใช้เพื่อเพิ่มจำนวนยอดเข้าชมเว็บไซต์ของเราที่สร้างขึ้น
  • Product & Brand Consideration เป็นแคมเปญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้คนเห็นสินค้าและบริการของเรามากยิ่งขึ้น มีส่วนช่วยในการเพิ่มการตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็วและปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Brand Awareness & Reach เป็นแคมเปญที่ใช้สำหรับเพิ่มการมองเห็นให้กับแบรนด์และธุรกิจของเราสามารถเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
  • App Promotion เป็นแคมเปญที่ใช้สำหรับเพิ่มยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นที่จะทำให้ผู้คนสามารถเห็นโฆษณาบน app ได้มากยิ่งขึ้นอย่างนั้นเอง

 

สรุป

Google Ads เป็นเครื่องมือโฆษณาออนไลน์บนเครือข่าย google ที่มีส่วนช่วยที่ทำให้ธุรกิจที่เราสร้างขึ้นสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาและรูปแบบโฆษณาก็มีความหลากหลายตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบในการทำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพที่สุดทำให้ธุรกิจที่เราทำอยู่ได้รับการยอมรับและมีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามาซื้อสินค้าและบริการได้เพิ่มยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

[Total: 0   Average: 0/5]

Leave a Reply